หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เครื่องดนตรีในตำนาน 2


ซอทวนมุก ซอทวนงาและซอทวนหงส์ เป็นฉายาซอสามสาย 3 คัน ประจำพระองค์ของเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระยาบำราบปรปักษ์ ต้นสกุล มาลากุล พระราชโอรสในล้นเกล้ารัชกาลที่ 2

ซอทวนนาค เป็นซอสามสายคู่พระทัยของทูลกระหม่อมบริพัตรเจ้าของวังบางขุนพรหม ซึ่งเป็นวังที่มีชื่อเสียงทางดนตรีอย่างยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 บทเพลงต่างๆของพระองค์ล้วนกำเนิดมาจาก ซอทวนนาคเป็นส่วนใหญ่

ซอทวนนาค บ้านพาทยโกศล


ปี่ท่านพระเป็นปี่ประจำตัวของพระประดิษฐ์ ไพเราะ ครูมีแขก เจ้าแห่งเสียงปี่ และเพลงทยอย ท่านกวีสุนทรภู่ ครูกลอนได้กล่าวถึงในบทไหว้ครูเสภาตอนหนึ่งว่า

ครูมีแขกคนนี้เขาดีครัน เป่าทยอยลอยลั่นบรรเลงลือ
( อาจารย์ เทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล
เป็นผู้สืบทอดมรดกปี่ท่านพระ ซึ่งเป็นปี่ประจำตัวของครูมีแขก พระประดิษฐ์ไพเราะ )

จากหนังสือ "สาส์นสมเด็จ" เล่ม ๒  หน้า๑๒๑-๑๒๒  ซึ่งเป็นข้อความที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์   ทรงสืบประทานแ ด่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า  
         "ครูมีแขก (ครูปี่พาทย์หมายเลขน้ำเ งินที่ ๕)  คือว่าเป็นเชื้อแขก  ชื่อ มี  เล่นเครื่องดุริยแลดนตรีได้ เกือบทุกอย่าง เป็นคนฉลาด        สามารถแต่งเพลงได้ดี      มีชื่อร่ำลื อ       เพลงของท่านนั้นมี "ทยอยใน"  "ทยอยนอก"  สามชั้นเป็นต้น ซึ่งจำมาเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ทั่วทุกวง ถ้าใครทำเพลงนี้ไม่ได้ดูประหนึ่งจะ ถือกันว่าไม่เป็น
อย่างไรก็ตามสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพ ระยานริศรานุวัดติวงศ์ก็ไม่ทรงเคยเห็นครูมี แขกเพียงแต่ทรงได้ยินชื่อ เท่านั้นเอง ดังข้อความใน "สาส์นสมเด็จ"เล่ม ๒๓ หน้า ๑๓๘ พระองค์ท่านทรงไว้ว่า
ครูมีแขกนั้นเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัว" จาก "สาส์นสมเด็จ" เล่มที่ ๒๓ หน้า ๑๕๖
สมเด็จกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพกราบทูลสนองแด่สมเด็จกรมพ ระยานริศรานุวัดติวงศ์ว่า
  "ครูมีแขกนั้น หม่อมฉันรู้จัก   แต่เมื่อหม่อมฉันไว้จุกไปเรียนภาษาอังกฤษที่สมเด็จพระราชปิตุลา ประ ทับ     ณ    หอนิเทพพิทยาเห็นแกเดินผ่านไปหัดมโหรีของทูลกระหม่อมปราสา ท    ที่มุขกระสัน พระมหาปราสาททุกวัน       เวลานั้นแกก็แก่มากอายุกว่า ๗๐ ปีแล้ว         มีบ่าวแบกซอสามสายตามหลังเสมอ วันหนึ่งกรมประจักษ์ตรัสเรียกให้แกแวะที่หน้าหอ แล้วยืมซอสามสายของแกมาสี แกฉุออกปากว่า "ถ้าทรงสีอย่างนั้นไฟก็ลุก" จำได้เท่านั้น
  เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ ค รูมีแขกได้เป็นครูปี่พาทย์ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น หลวงประดิษฐไพเราะ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๖
วันนี้แค่นี้ก่อนนะเด็กๆ l
 
 

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อบรมดับเพลิง

 วันนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาให้ความรู้แก่เด็กนักเรียน ในการดับไฟ ภาคปฏิบัติ
 เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมา
ขอชมเชยเด็กนักเรียน ร.ร วัดบางประทุน ที่มีความกล้า ในสิ่งที่ถูกต้อง

ขอขอบคุณ หน่วยดับเพลิง ศูนย์ดาวคะนอง ที่มาให้ความรู้แก่เด็กนักเรียน วัดบางประทุนนอก











แต่ภาพนี้เหมือนกำลังทอดหอยทอดยังงัยไม่รู้.....อิอิ

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เครื่องดนตรีในตำนาน 1

นักดนตรีไทยผู้มีฝีมือในสมัยก่อน ย่อมมีเครื่องดนตรีประจำตัวของตนเอง ซึ่งถือได้ว่า เป็นดั่งอาวุธข้างกาย แต่ละคนจึงสรรหาวัสดุที่ดีที่สุดมาประกอบเป็นเครื่องดนตรี เพื่อใช้ในการสร้างสรรบทเพลงอันไพเราะ ให้แก่ผู้มีดนตรีการทั้งหลายได้ชื่นชม

เครื่องดนตรีเหล่านี้ล้วนเป็นความทรงจำของเหล่าศิลปินทางดนตรี ซึ่งก็คือครูดนตรีผู้มากด้วยฝีมือเสียชีวิตไป ชื่อเครื่องดนตรีที่ใช้ในการอวดฝีมือ ก็เลือนหายไปด้วย ฉายาเครื่องดนตรีเหล่านี้ เท่าที่มีการกล่าวขานกัน ได้แก่


ซอสายฟ้าฟาด  ซอสามสาย คู่พระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลันเกล้ารัชกาลที่ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ทรงพระสุบิน  (เล่ากันมาว่า คืนวันหนึ่งว่างพระราชกิจจึงทรงสีซอสามสายคู่พระหัตถ์อยู่จนดึกเมื่อเสด็จเข้าบรรทม ได้ทรงพระสุบินว่า ได้เสด็จไปยังรมณียสถานอันงดงามแห่งหนึ่ง ทอดพระเนตรเห็นดวงจันทร์ลอยเข้ามาใกล้พระองค์และในขณะเดียวกัน ก็ทรงได้ยินเสียงดนตรีดังมาในอากาศ เป็นดนตรีทิพย์ที่ไพเราะจับพระราชหฤทัยยิ่ง แล้วดวงจันทร์ค่อยๆ เลื่อนลอยหายออกไป  พร้อมกับเสียงเพลงก็ค่อยๆลอยหายออกไป แม้เสด็จตื่นบรรทมแล้วเสียงเพลงนั้นก็ยังติดพระราชหฤทัยอยู่ )  และทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงอมตะอันลือลั่น คือ บุหลันลอยเลื่อน

ตัวอย่างซอสามสาย

ซอตุ่น เป็นซออู้ ( ซอสองสาย )ขนาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวลันเกล้ารัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงใช้ ซอตุ่น พระราชนิพนธ์เพลง ราตรีประดับดาวขึ้นเป็นเพลงแรกและพระราชทานชื่อซอคันนี้ว่า ซอตุ่น ซึ่งหมายถึงซอขนาดเล็ก ()

 
ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณนรุจ สุขจิตและ ปิยธิดา เค้ามูลคดีผู้ค้นคว้าและเรียบเรียงในรายการคุยกับดนตรี สถานีวิทยุจุฬา
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เด็กๆ...ใส่บาตร

 วันนี้ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียนได้ใส่บาตรกันครับ
 หลวงพ่อเมตตามาร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนวัดบางประทุนนอกอย่างสม่ำเสมอ   
เด็กๆเตรียมของมาใส่มากมาย..ขอบคุณผู้ปกครองที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆอย่างดีเยี่ยม


มัคทายกน้อยแห่งโรงเรียน
                                                                                                      หัวหน้าพุทธบริษัท.......

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มารยาทไทย..ในโรงเรียนวัดบางประทุนนอก

การฝึกมารยาทไทย โดยเน้นการไหว้สวยและถูกต้องตามแบบแผนของ น.ร. โรงเรียนวัดบางประทุนนอก
กิจกรรมนี้ทำกันเป็นประจำทุกวันศุกร์ ในชั่วโมงสุดท้ายและต่อด้วยการสวดมนต์

คุณครูนาฎศิลปมาสอนเองกับมือ รับประกันการไหว้สวยจ้า

ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า นี่ไม่ใช่อัตลักษณ์ของ ร.ร.แต่เรามุ่งหวังให้ น.ร.รู้จักวิธีไหว้ที่ถูกต้องเช่นไหว้พระต้องทำอย่างไร  ไหว้ผู้ใหญ่ต้องอยู่ระดับไหน  ให้สวยงามตามแบบไทย ที่นับวัน...จะถูกกลบจากวัฒนธรรมต่างชาติ..อย่างไม่รู้ตัว

ถึงจะฝึกยาก ฝึกเย็น แค่ไหน แต่พวกเราชาวบางประทุนนอกก็สู้..เพื่อเด็กๆของเรา..ขอรับ..

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ดัชนีชีวัดที่บ่งบอกว่าเด็กนักเรียน และครู ร.ร. วัดบางประทุนนอกมีความสุข

กิจกรรมที่เด็กๆแสดงออกล้วนออกมาจากความชอบในด้านต่างๆ
  ดูจากสีหน้า ท่าทางแล้ว บอกได้เลยว่ากำลังมีความสุข
ตัวเล็กตัวน้อย ไม่มีใครยอมใคร

คุณครูก็ไม่ยอม เหมือนกัน อิอิ
ถึงจะมีเวลาน้อยนิด แต่ก็เต็มที่ เพื่อฝึกซ้อม ในกิจกรรมต่างๆ

ใครสวยกว่าใคร ดูเอาเองนะครับ แต่ที่แน่ๆโรงเรียนแห่งนี้มีแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และมีความสุข..แน่ๆ