เมื่อครูเตือนอายุได้ ๑๐ ปี บิดาได้พามาฝากตัวเป็นศิษย์ของ ท่านครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ที่บ้านหลังวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี ครูเตือนได้เล่าเรียนดนตรีโดยเริ่มต้นจากเพลงทะแย ซึ่งเป็นพื้นฐาน จนกระทั่งแตกฉานเชี่ยวชาญถึง เพลงเดี่ยวสําคัญและ หน้าพาทย์ชั้นสูงในเวลาต่อมา
ครูเตือนเคยเล่าให้ฟังถึงชีวิตในช่วงนั้นว่า “ …สมัยก่อนจะตื่นตี ๕ เพื่อบรรเลงเพลงจนกว่าพระจะเข้าวัด ตอนเย็น ก็จะมาเล่นจนถึงหนึ่งทุ่ม ที่สําคัญคือ ห้ามยกของหนัก ห้ามพายเรือ ห้ามยกคันนา เพราะจะทำให้มือเสีย…”
ในกาลต่อมา ครูเตือนได้มีโอกาสเรียนดนตรีและต่อเพลงเพิ่มเติมกับครูอีกหลายท่าน เช่น พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล ครู ฉัตร-ครูช่อ สุนทรวาทิน ครูแถม สุวรรณเสวก และหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูริยชีวิน) เป็นต้น
ภาพคุณครู เตือน พาทยกุล สมัยหนุ่มๆ (หน้าตาดีมากๆ) ไว้คราวหน้า เอารูปตอนชรามาให้ดูนะ
ครูเตือนเคยเล่าให้ฟังถึงชีวิตในช่วงนั้นว่า “ …สมัยก่อนจะตื่นตี ๕ เพื่อบรรเลงเพลงจนกว่าพระจะเข้าวัด ตอนเย็น ก็จะมาเล่นจนถึงหนึ่งทุ่ม ที่สําคัญคือ ห้ามยกของหนัก ห้ามพายเรือ ห้ามยกคันนา เพราะจะทำให้มือเสีย…”
ในกาลต่อมา ครูเตือนได้มีโอกาสเรียนดนตรีและต่อเพลงเพิ่มเติมกับครูอีกหลายท่าน เช่น พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล ครู ฉัตร-ครูช่อ สุนทรวาทิน ครูแถม สุวรรณเสวก และหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูริยชีวิน) เป็นต้น
ภาพคุณครู เตือน พาทยกุล สมัยหนุ่มๆ (หน้าตาดีมากๆ) ไว้คราวหน้า เอารูปตอนชรามาให้ดูนะ