การศึกษา
- ประถมศึกษา โรงเรียนวรวุฒิวิทยาลัย
- มัธยมศึกษา โรงเรียนเบญจมราชาลัย
โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์
โรงเรียนสตรีวัดระฆัง
- ปริญญาตรี หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต
วิทยาลัยครูสวนสุนันทา
(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา)
การศึกษาวิชาสามัญตั้งแต่ระดับประถมจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นไปตามปรกติวิสัยกุลสตรีไทยทั่วไป ต่อภายหลังบิดาถึงแก่กรรมมีภาระทางครอบครัวและใช้เวลาไปกับการหาความรู้เร่งต่อเพลงขับร้องกับครูผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ในบ้านบางลำพู
ครูผู้รู้นอกบ้านทุกสำนักไม่ว่าจะอาวุโสหรืออยู่ในวัยไล่เรียงกันนำมาให้มารดาช่วยขัดเกลา
ควบคู่กันไปกับการใช้เวลามุมานะฝึกฝนปรับปรุงทางร้องอยู่ทุกคืนวัน มุ่งหวังเอาดีให้ได้และต้องเก่งกาจมากพอทำทางร้องเฉพาะตนขึ้นใช้ได้เองในที่สุด เป็นเหตุให้การเรียนวิชาสามัญไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควรจะเป็นนัก
อย่างไรก็ตาม
เมื่ออุปสรรคหลายประการคลี่คลายไปพอสมควรแล้ว
อุปนิสัยชอบไขว่คว้าหาความรู้และมีใจสู้ก็ค่อยผลักดันให้หันกลับมามองความสำคัญของการศึกษาวิชาสามัญ
สมัครเข้าเรียนต่อตามลำดับชั้นจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีได้แม้มีอายุถึง
๔๗ ปี แต่ก็มีความภาคภูมิใจยิ่ง
สาระน่ารู้ทางการศึกษาเล่าเรียนของครูดวงเนตรเป็นแบบอย่างอันดีงามถึงความพยายามและมีใจตั้งมั่นต่อสู้ให้ได้สิ่งปรารถนาซึ่งมาพร้อมอุปสรรคที่วัดใจให้ต้องฟันฝ่าจนกว่าจะเดินผ่านไปสู่ความสำเร็จได้
ข้อความดังต่อไปนี้เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติจากปากคำของครูดวงเนตรเอง
เป็นส่วนใหญ่ และคำบอกเล่าของบุพการี ญาติพี่น้อง
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ จะดำเนินไปพร้อมๆ กัน ระหว่างการศึกษาวิชาสามัญกับการเรียนขับร้องบรรเลงดนตรีที่ต้องต่อสู้ควบคู่กันไป
ปี ๒๔๙๑ ครูดวงเนตรเริ่มเรียนเตรียมประถม ปี ๒๔๙๒ เรียนต่อประถมศึกษาที่ *โรงเรียนวรวุฒิวิทยาลัย เช่นเดียวกับลูกๆ
ครูเหนี่ยวทั้ง ๖ คน โดยตามหลังพี่สาวและพี่ชายเข้าไปเป็นคนที่ ๓
เนื่องจากบิดาคุ้นเคยกับท่านเจ้าของโรงเรียนและมีที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านพักอาศัยไม่กี่ร้อยเมตร
(เลขที่
๑๐ ถนนพระอาทิตย์ ปัจจุบันเป็นเกสเฮ้าส์ เยื้องที่ทำการยูนิเซฟ ใกล้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า)
--------------------
*ชื่อโรงเรียนวรวุฒิวิทยาลัยใช้พระนามพระราชวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวรวุฒิอาภรณ์ราชกุมาร พระโอรสองค์ที่ ๑๕
ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
มีหม่อมเจ้าหญิงสุนทรธิดา วรวุฒิ พระธิดาองค์ที่ ๘ ในพระองค์เจ้าวรวุฒิฯ
เป็นผู้บริหาร, ปี ๒๕๐๒ ท่านผู้หญิงยศวดี
อัมพรไพศาล ภริยา หลวงอัมพรไพศาล ซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนอัมพรไพศาล
มีพัฒนาเรื่อยมาและมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นจนต้องขยายกิจการและย้ายไปเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ที่ถนนติวานนท์ในปี
๒๕๑๕ (โรงเรียนวรวุฒิวิทยาลัย ปัจจุบันใชทำธุรกิจท่องเที่ยว
ไม่เหลือร่องรอยเดิมให้เห็น)
ขณะเรียนชั้นประถมได้เรียนขับร้องครั้งแรกเป็นเพลงบังคับในประมวลการสอนกับครูชม
รุ่งเรือง น้าสาวซึ่งเป็นครูสอนร้องที่โรงเรียนวรวุฒิวิทยาลัย ระหว่างปี
๒๔๙๓-๒๔๙๖ ช่วงเวลาเดียวกัน
“..ตอนอยู่ประถมไม่สนใจจำเพลงที่เรียนเลย
เหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่เอาแค่สอบได้ ..ก็ติดหูอยู่มั่ง โตในบ้านปี่พาทย์นี่นะ..”
หลังจบประถม ๔
เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ ๑ ที่โรงเรียนเบญจมราชาลัย เสาชิงช้า สมัยอาจารย์ผจงวาด
วายวานนท์ เป็นผู้อำนวยการ ตามหลังครูสุรางค์พี่สาวเข้าไป
๒ ปี ก็ยังคงเรียนขับร้องผ่านๆ อย่างเคย
ไม่ได้ถูกเคี่ยวเข็ญเอาเด่นดังทางแข่งขันเช่นพี่สาวซึ่งกำลังกวาดรางวัลชนะเลิศประกวดขับร้องเพลงไทยระดับมัธยมติดต่อกันเป็นว่าเล่นหลายงานแล้ว
ทั้งพ่อแม่ก็มิได้ส่งเสริมหรือห้ามปรามแต่อย่างใด
ทำให้มีอิสระที่จะสนุกสนานไปกับการเรียนรู้โลกรอบตัวประสาวัยรุ่นทั่วไปที่มักจะเลือกสนใจตามกระแสนิยมฝรั่งตะวันตกที่ฟังผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงหรือดูภาพยนตร์ที่นำเข้ามาฉายในประเทศไทยสมัยนั้นเท่านั้น
ช่วงชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นนี้แทนที่เสียงขับร้องบรรเลงเพลงไทยที่ดังกรอกหูอยู่ทุกคืนวันจะจูงใจให้หัดร้องเหมือนญาติพี่น้องคนอื่นๆ
แต่กลับใช้ชีวิตวัยใสผ่อนคลายกับเม้าธ์ออร์แกนตัวโปรด
ร้องเพลงฝรั่งที่กำลังฟุ้งเฟื่องเมืองไทยในยุคฟิฟตี้อย่าง sad movie ของ Sue Thompson หรือ que sera sera ของ Doris Day ถึงขนาดหาญกล้าสวมกระโปรงสุ่มไก่ขึ้นเวทีร้องเพลงดังให้วงดนตรี
ยุวศิลป์ ยุคมีนายบุญเกิด ทองประยูร เป็นหัวหน้าวง ตามคำชักชวนของพี่สาวที่ขึ้นร้องเพลงรวงทองของคณะสุนทราภรณ์ยอดนิยมอยู่ด้วย
จนกระทั่ง Elvis Presley แสดงหนังเรื่องแรกร้องเพลง love
me tender ต่อด้วยหนังเพลงร็อกแอนด์โรลออกมาเขย่าวงการเพลงทั่วโลกถึงได้บดบังนักร้องสตรีจืดหูจางตาไป
ไม่เพียงเท่านั้น
ยังชอบที่จะขี่จักรยานขึ้นสะพานพุทธยอดฟ้าข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอ้อมไปย่านพรานนก
สมัครเข้าเรียนร่ายรำศัสตราวุธฝึกตีกระบี่กระบองชนิดเอาดีให้ได้ที่ บ้านช่างหล่อ
ร่วมค่ายกับพี่อี๊ด(ชนะ ดุริยพันธุ์) ขณะเรียนอยู่ที่โรงเรียนทวีธาภิเศก(วัดนาคกลาง) มีฝีไม้ลายมือพอออกแสดงร่วมกันหลายงาน