ปี
๒๕๕๐-๒๕๕๔ ราชบัณฑิตยสถาน แต่งตั้งเป็นบรรณาธิการในคณะบรรณาธิการจัดทำสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย(ภาคโน้ตเพลงไทย)
ทำหน้าที่รวบรวมโน้ตเพลงไทยพร้อมทั้งปรับปรุงคำอธิบายประวัติและบทร้องให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น
และมีดำริจะพิจารณาทางร้องเพลงหุ่นกระบอกซึ่งครูดวงเนตรได้ไว้ทั้ง ๒ ทาง
คือทางเพลงของ ครูลม่อม อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งคงแบบแผนทางร้องดั้งเดิมเน้นความไพเราะเพลิดเพลิน
กับทางของครูชื้น(ชูศรี สกุลแก้ว)ผู้สืบทอดการละเล่นหุ่นกระบอก คณะนายเปียก
ประเสริฐกุล ผู้บิดา ที่ผสมผสานทางร้องเพลงหุ่นกับการเชิดหุ่นกระบอกร่วมลีลาเดียวกันให้เกิดความสนุกสนานต้องใจผู้ชม ซึ่งทั้ง ๒ ทางร้องดังกล่าวล้วนมีที่มาจาก แม่ครูเคลือบ
ผู้เป็นต้นแบบหุ่นกระบอกเมืองกรุงสมัยรัชกาลที่ ๕ นาม
คณะหุ่นกระบอกหม่อมราชวงศ์เถาะ พยัคฆเสนา อันเลื่องชื่อในทางแบบแผนความงดงาม
ครูดวงเนตร
ดุริยพันธุ์ มีชื่อเล่นว่า น้อย ทำให้หลายๆ
คนสนิทปากเรียกขานสมญาชื่อเล่นต่างกันไปสุดแต่ความเคารพรักหรือความรู้สึกในสัมพันธภาพที่มีต่อกันว่า
ครูดวงเนตร ครูน้อย แม่ครูน้อย ครูย่าน้อย ยายน้อย ส่วนบรรดาญาติสนิทศิษย์ใกล้ชิดแล้วจะติดปากเรียก
แม่น้อย กันเกือบทั้งสิ้น
ต่อนี้ไปจึงจะขอเรียก ครูดวงเนตร บ้าง แม่น้อย บ้าง ตามแต่เรื่องราวที่เล่าเป็นทางการ
หรือค่อนข้างจะส่วนตัวสำหรับการนำเสนอเบื้องหลังชีวิตต้องสู้ของนักร้องเพลงไทยคนหนึ่งซึ่งฟันฝ่าขวากหนามหาที่ยืนในวังวนวงการสังคีตไทยให้มั่นคงอยู่ได้สมภาคภูมิ
ครูดวงเนตรเป็นคนขยันในวิชาชีพชนิดหาคนเปรียบยาก
อยากเรียนรู้สิ่งใดจะเดินหน้าเสาะหาไขว่คว้าจนกว่าได้รู้มาไม่ว่าจะยากแค้นแสนเข็ญเพียงใด
รู้แล้วก็ยังไม่ยอมหยุดนิ่ง ค้นคว้าหาใหม่สะสมเรื่อยไป
ไม่ว่าสิ่งที่ได้มาจะด้อยหรือดีกว่าเดิม เก็บอัดแน่นไว้กับหน่วยความจำในสมองพร้อมเรียกออกมาใช้ได้แม่นยำทันทีทันใดเสมอ
จึงไม่แปลกอะไรที่ครูดวงเนตรจะได้รับฉายาต่างๆ
นานาเช่น ขุมคลังเพลงเก่า เจ้าแม่เพลงละคร ครูน้อยพันเถา พุ่มพวงน้อย หุ่นกระบอกแม่น้อย
ประมาณนี้