วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554
เครื่องดนตรีในตำนาน 2
ซอทวนมุก ซอทวนงาและซอทวนหงส์ เป็นฉายาซอสามสาย 3 คัน ประจำพระองค์ของเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระยาบำราบปรปักษ์ ต้นสกุล มาลากุล พระราชโอรสในล้นเกล้ารัชกาลที่ 2
ซอทวนนาค เป็นซอสามสายคู่พระทัยของทูลกระหม่อมบริพัตรเจ้าของวังบางขุนพรหม ซึ่งเป็นวังที่มีชื่อเสียงทางดนตรีอย่างยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 บทเพลงต่างๆของพระองค์ล้วนกำเนิดมาจาก ซอทวนนาคเป็นส่วนใหญ่
ซอทวนนาค บ้านพาทยโกศล
ปี่ท่านพระเป็นปี่ประจำตัวของพระประดิษฐ์ ไพเราะ ครูมีแขก เจ้าแห่งเสียงปี่ และเพลงทยอย ท่านกวีสุนทรภู่ ครูกลอนได้กล่าวถึงในบทไหว้ครูเสภาตอนหนึ่งว่า
‘ ครูมีแขกคนนี้เขาดีครัน เป่าทยอยลอยลั่นบรรเลงลือ ’
( อาจารย์ เทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล
เป็นผู้สืบทอดมรดกปี่ท่านพระ ซึ่งเป็นปี่ประจำตัวของครูมีแขก พระประดิษฐ์ไพเราะ )
จากหนังสือ "สาส์นสมเด็จ" เล่ม ๒ หน้า๑๒๑-๑๒๒ ซึ่งเป็นข้อความที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสืบประทานแ ด่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า
"ครูมีแขก (ครูปี่พาทย์หมายเลขน้ำเ งินที่ ๕) คือว่าเป็นเชื้อแขก ชื่อ มี เล่นเครื่องดุริยแลดนตรีได้ เกือบทุกอย่าง เป็นคนฉลาด สามารถแต่งเพลงได้ดี มีชื่อร่ำลื อ เพลงของท่านนั้นมี "ทยอยใน" "ทยอยนอก" สามชั้นเป็นต้น ซึ่งจำมาเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ทั่วทุกวง ถ้าใครทำเพลงนี้ไม่ได้ดูประหนึ่งจะ ถือกันว่าไม่เป็น
"ครูมีแขก (ครูปี่พาทย์หมายเลขน้ำเ งินที่ ๕) คือว่าเป็นเชื้อแขก ชื่อ มี เล่นเครื่องดุริยแลดนตรีได้ เกือบทุกอย่าง เป็นคนฉลาด สามารถแต่งเพลงได้ดี มีชื่อร่ำลื อ เพลงของท่านนั้นมี "ทยอยใน" "ทยอยนอก" สามชั้นเป็นต้น ซึ่งจำมาเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ทั่วทุกวง ถ้าใครทำเพลงนี้ไม่ได้ดูประหนึ่งจะ ถือกันว่าไม่เป็น
อย่างไรก็ตามสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพ ระยานริศรานุวัดติวงศ์ก็ไม่ทรงเคยเห็นครูมี แขกเพียงแต่ทรงได้ยินชื่อ เท่านั้นเอง ดังข้อความใน "สาส์นสมเด็จ"เล่ม ๒๓ หน้า ๑๓๘ พระองค์ท่านทรงไว้ว่า
ครูมีแขกนั้นเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัว" จาก "สาส์นสมเด็จ" เล่มที่ ๒๓ หน้า ๑๕๖
ครูมีแขกนั้นเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัว" จาก "สาส์นสมเด็จ" เล่มที่ ๒๓ หน้า ๑๕๖
สมเด็จกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพกราบทูลสนองแด่สมเด็จกรมพ ระยานริศรานุวัดติวงศ์ว่า
"ครูมีแขกนั้น หม่อมฉันรู้จัก แต่เมื่อหม่อมฉันไว้จุกไปเรียนภาษาอังกฤษที่สมเด็จพระราชปิตุลา ประ ทับ ณ หอนิเทพพิทยาเห็นแกเดินผ่านไปหัดมโหรีของทูลกระหม่อมปราสา ท ที่มุขกระสัน พระมหาปราสาททุกวัน เวลานั้นแกก็แก่มากอายุกว่า ๗๐ ปีแล้ว มีบ่าวแบกซอสามสายตามหลังเสมอ วันหนึ่งกรมประจักษ์ตรัสเรียกให้แกแวะที่หน้าหอ แล้วยืมซอสามสายของแกมาสี แกฉุออกปากว่า "ถ้าทรงสีอย่างนั้นไฟก็ลุก" จำได้เท่านั้น
เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ ค รูมีแขกได้เป็นครูปี่พาทย์ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น หลวงประดิษฐไพเราะ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๖
วันนี้แค่นี้ก่อนนะเด็กๆ l
วันนี้แค่นี้ก่อนนะเด็กๆ l
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)